วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555


ท่องโลกอาเซียน

                                         นายชยธร  ราชกิจ                             เลขที่8
                                         นางสาวเนตรชนก  เจริญรัตน์          เลขที่ 11
                                         นางสาวผกาวดี  แม้นจิตร                เลขที่ 12
                                         นายปรเมศ  อินทร์งาม                     เลขที่ 29
                                         นางสาวมาลินี   เชี่ยวชาญ                 เลขที่ 31
                                        นางสาวศตพร   สง่ามั่งคั่ง                 เลขที่ 32
                                        นางสาวกนกวรรณ ทำนองดี             เลขที่ 35
                                        นางสาวจิรวรรณ  แผ่นจันทร์            เลขที่ 36
                                        นางสาวพัชริดา  แจ่มจรัสกิจทวี        เลขที่ 40
                                        นายณัชนันท์  เย็นเสมอ                     เลขที่ 42
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6


รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชาการศึกษาและนำเสนอ(IS2) (I31202)
 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
โรงเรียนสุรวิทยาคาร


บรรณานุกรม
                สมเกียรติ   ภู่ระหงษ์.  อาเซียนศึกษา ป.5.  กรุงเทพฯ : บริษัทอักษรเจริญทัศน์, 2555.
                ผ่องเพ็ญ  อาชาเทวัญ.  เฮลโล อาเซียน.  ปทุมธานี : บริษัทสกายบุ๊คส์, 2555.
                วิทย์     บัณฑิตกุล.  รู้จักประชาคมอาเซียน.  พิมพ์ครั้งที่2.  กรุงเทพฯ :  บริษัทสถาพรบุ๊คส์,  2555.
                “ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ,”  [ออนไลน์เข้าถึงได้จาก http://www.cityub.go.th
(วันที่ค้นข้อมูล : 15 กันยายน 2555).
                อาเซียนคืออะไร,”  [ออนไลน์]  เข้าถึงได้จาก  :   http://prachacomasean.net
(วันที่ค้นข้อมูล  15 กันยายน 2555)
                ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน,”  [ออนไลน์เข้าถึงได้จาก  :   http://www.thai-aec.com.  (วันที่ค้นข้อมูล 16 กันยายน 2555)


สัญลักษณ์อาเซียน
รวงข้าว 10 ต้นมัดรวมกันไว้
หมายถึง รูปรวงข้าวสีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลมวีขาวและสีน้ำเงินรวงข้าว 10 ต้น มัดรวมกันไว้ หมายถึง ประเทศสมาชิกรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันพื้นที่วงกลม สีแดง สีขาว และน้ำเงิน ซึ่งแสดงถึงความเป็นเอกภาพ มีตัวอักษรคำว่า “asean” สีน้ำเงิน อยู่ใต้ภาพรวงข้าวอันแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อความมั่นคง สันติภาพ เอกภาพ และความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียน
สีน้ำเงิน  หมายถึง   สันติภาพและความมั่นคง
สีแดง     หมายถึง   ความกล้าหาญ และความก้าวหน้า
สีขาว      หมายถึง   ความบริสุทธิ์
สีเหลือง  หมายถึง   ความเจริญรุ่งเรือง

คำขวัญ
"One Vision, One Identity, One Community"
(หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม)


วัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งอาเซียน
                ประชาคมอาเซียน ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันนำมาซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเมื่อการค้าระหว่างประเทศในโลกมีแนวโน้มกีดกันการค้ารุนแรงขึ้น ทำให้อาเซียนได้หันมามุ่งเน้นกระชับและขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันมากขึ้น วัตถุประสงค์หลักที่กำหนดไว้ในปฏิญญาอาเซียน (The ASEAN Declaration) มี 7 ประการ ดังนี้

                1. ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม
                2. ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
                3. ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการ วิทยาศาสตร์ และด้านการบริหาร
                4. ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
                5. ส่งเสริมความร่วมมือในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การค้า การคมนาคม การสื่อสาร และ     ปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิต
                6. ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
                7. ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคความเป็นมาของอาเซียน
นอกจากนี้ อาเซียนยังเร่งสร้างความสามารถในการแข่งกันให้เกิดขึ้นในภูมิภาค และลดช่องว่างการพัฒนาของประเทศสมาชิก โดยมุ่งเน้นให้ประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งยังมีการพัฒนาที่ล้าหลังกว่า สามารถรับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันจากการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน และอาเซียนยังเดินหน้าเจรจาขยายการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจกับประเทศนอกภูมิภาค โดยจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA กับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้ไทยได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากข้อตกลง FTA ที่ไทยได้ทำกับประเทศคู่ค้าต่างๆ เหล่านี้ไปแล้วในระดับทวิภาคี ในแง่ของขอบเขตสินค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์และการใช้แหล่งกำเนิดสินค้าสะสมภายในอาเซียนที่เพิ่มขึ้นAEC Blueprint ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ซึ่งอ้างอิงมาจากเป้าหมายการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนตาม
แถลงการณ์บาหลี ฉบับที่ 2 (Bali Concord II) ได้แก่
                2.1 การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว โดยให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีมากขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียนให้เป็นรูปธรรม
                2.2 การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็นด้านนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น กรอบนโยบายการแข่งขันของอาเซียน การคุ้มครองผู้บริโภคสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (การเงิน การขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศและพลังงาน)
                2.3 การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค โดยการพัฒนา SMEs และการเสริมสร้างขีดความสามารถผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการริเริ่มเพื่อการรวมกลุ่มของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration: IAI) เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
                2.4 การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนมีท่าทีร่วมกันอย่างชัดเจน เช่น การจัดทำเขตการค้าเสรีของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่างๆ เป็นต้นรวมทั้งส่งเสริมการสร้างเครือข่ายในด้านการผลิต/จำหน่ายภายในภูมิภาคให้เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกทั้งนี้ ในการดำเนินงานสามารถกำหนดให้มีความยืดหยุ่นในแต่ละเรื่องไว้ล่วงหน้าได้ (pre-agreed flexibilities)แต่เมื่อตกลงกันได้แล้ว ประเทศสมาชิกจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ตกลงกันอย่างเคร่งครัดด้วย



ความเป็นมาของอาเซียน
อาเซียนหรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Assciation of Southeast Asian Nations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ(The Bangkok Declaration ) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก-เฉียงใต้ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ได้ลงนามใน      
            “ปฏิญญากรุงเทพฯ” (Bangkok Declaration) เพื่อจัดตั้งสมาคมความร่วมมือกันในการเพิ่มอัตราการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม การพัฒนาวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศสมาชิก และการธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคง ในพื้นที่และเป็นการเปิดโอกาสให้คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิกอย่างสันติของระดับภูมิภาคของประเทศต่างๆ ในเอเชีย ในเวลาต่อมาได้มี บูรไนดารุสซาราม  (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 8 มกราคม 2527)สาธารณรัฐสังคมคมนิยมเวียดนาม (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2538) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2540) สหภาพพม่า (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2540) ราชอาณาจักรกัมพูชา (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 เมษายน 2542) ตามลำดับทำให้อาเซียนมีสมาชิกครบ 10ประเทศ   และองค์กรระหว่างประเทศ
อาเซียน คือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) โดยการจัดตั้งในครั้งแรกมีจุดประสงค์เพื่อ ส่งเสริมและร่วมมือในเรื่องสันติภาพ,ความมั่นคง, เศรษฐกิจ, องค์ความรู้, สังคมวัฒนธรรม บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก
โดย อาเซียน ได้ก่อตั้งขึ้นโดย ปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 5 ประเทศคือ
                1.ไทย โดย พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
                2.สิงคโปร์ โดย นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
                3.มาเลเซีย  โดย ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ)
                4.ฟิลิปปินส์ โดย นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศ)
                5.อินโดนีเซีย โดย นายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศ)  ต่อมาได้มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมเป็นสมาชิกเพิ่มเติม คือ  8 ม.ค.2527 บรูไนดารุสซาลาม, 28 ก.ค. 2538  เวียดนาม, 23 ก.ค. 2540 สปป.ลาว และ พม่า, 30 เม.ย. 2542 กัมพูชา ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ


ปฏิญญากรุงเทพฯ  

เป็นเอกสารในการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับการลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยในขณะนั้นมีสมาชิกผู้ก่อตั้งจำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซียและฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสกัดการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม โดยกำหนดหลักการเบื้องต้นของอาเซียน อย่างเช่น การร่วมมือกัน มิตรภาพและการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวต่อสถานการณ์ภายในประเทศสมาชิกทั้งหมด[1] วันดังกล่าวมีการจัดการเฉลิมฉลองเป็น วันอาเซียน

กฎบัตรอาเซียน เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของอาเซียนที่จะทำให้อาเซียนมีสถานะเป็นนิติบุคคล เป็นการวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กรให้กับอาเซียน โดยนอกจากจะประมวลสิ่งที่ถือเป็นค่านิยม หลักการ และแนวปฏิบัติในอดีตของอาเซียนมาประกอบกันเป็นข้อปฏิบัติอย่างเป็นทางการของประเทศสมาชิกแล้ว ยังมีการปรับปรุงแก้ไขและสร้างกลไกใหม่ขึ้น พร้อมกำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์กรที่สำคัญในอาเชียนตลอดจนความสัมพันธ์ในการดำเนินงานขององค์กรเหล่านี้ ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียนให้สามารถดำเนินการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการรวมตัวของประชาคมอาเซียน ให้ได้ภายในปี พ.ศ.2558 ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ตกลงกันไว้



ทั้งนี้ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองกฎบัตรอาเซียน ในการประชุมสุดยอดยอดเซียน ครั้งที่ 13เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 ณ ประเทศสิงคโปร์ ในโอกาสครบรอบ 40 ของการก่อตั้งอาเซียน แสดงให้เห็นว่าอาเซียนกำลังแสดงให้ประชาคมโลกได้เห็นถึงความก้าวหน้าของอาเซียนที่กำลังจะก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นใจระหว่างประเทศสมาชิกต่าง ๆ ทั้ง 10 ประเทศ และถือเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนอาเซียนให้เป็นองค์กรที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลในฐานะที่เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล ประเทศสมาชิกได้ให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียน ครบทั้ง 10 ประเทศแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน2551 กฎบัตรอาเซียนจึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2551 เป็นต้นไป

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555




ประชาคมอาเซียน 3 เสาหลัก
ผู้นำอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน ที่เรียกว่า ข้อตกลงบาหลี 2 เห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมอาเซียน คือการให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชนหรือประชาคมเดียวกันให้สำเร็จภายในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงร่นระยะเวลาจัดตั้งให้เสร็จในปี 2558 โดยจะเป็นประชาคมที่ประกอบด้วย 3 เสาหลักซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน คือ

                1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูป แบบใหม่ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง

                2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ได้ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน

                3.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้อ อาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555


ความร่วมมือที่สำคัญ ของอาเซียน
                1.ความร่วมมือด้านพลังงานในอาเซียน
อาเซียนเริ่มจัดการประชุม รัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน (ASEAN Ministers on Energy Meeting – AMEM) ครั้งแรกในปี 2525 โดยเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางพลังงานเพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยการสร้างเครือข่ายด้านพลังงานในระดับภูมิภาคที่อาศัยจุดแข็งและศักยภาพ ของแต่ละประเทศในอาเซียนที่มีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตลอดจนพลังงานทดแทน ในรูปแบบต่างๆ

                2.ความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน
ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2551 ณ ประเทศเวียดนาม ได้มีมติเห็นชอบแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียนและแผน กลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน ค.ศ. 2009-2013 ได้ให้การรับรองเอกสารนี้เพื่อดำเนินการตามแผนงานต่อไป

                3.ความร่วมมืออาเซียนด้าน SMEs
ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และมีนวัตกรรม เพื่อที่จะสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายในตลาดโลกได้ เนื่องจากในขณะนี้การดำเนินธุรกิจต่างๆมีการแข่งขันสูง เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตลาดมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น และผู้บริโภคมีความต้องการที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการสร้าง Cluster ให้แก่ SMEs การสร้างเครือข่าย inter-firm networks และ การเชื่อมโยง SMEs ในอาเซียนจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาค

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555


 ประเทศสมาชิกอาเซียน
              


  1.ราชอาณาจักรไทย : Kingdom of Thailand
                การปกครอง : ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
                ประมุข : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
                เมืองหลวง : กรุงเทพมหานคร
                ภาษาราชการ : ภาษาไทย
                หน่วยเงินตรา : บาท
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mfa.go.th




  2.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว : The Loa People's Democratic Republic
                การปกครอง : ระบอบสังคมนิยม
                ประมุข : พลโทจูมมะลี ไซยะสอน
                เมืองหลวง : นครหลวงเวียงจันทน์
                ภาษาราชการ : ภาษาลาว
                หน่วยเงินตรา : กีบ
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofa.gov.la




3.สาธารณรัฐสิงคโปร์ : Republic of Singapore
                การปกครอง : ระบบสาธารณรัฐแบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
                ประมุข : โทนี ตัน เค็ง ยัม
                เมืองหลวง : สิงคโปร์
                ภาษาราชการ : ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีนกลาง, ภาษามาเลย์, ภาษาทมิฬ
                หน่วยเงินตรา : ดอลล่าร์สิงคโปร์
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mfa.gov.sg




   4.ราชอาณาจักรกัมพูชา : Kingom of Cambodia
                การปกครอง : ระบอบประชาธิปไตย
                ประมุข : พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี
                เมืองหลวง : กรุงพนมเปญ
                ภาษาราชการ : ภาษาเขมร
                หน่วยเงินตรา : เรียล
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mfaic.gov.kh




 5.เนการาบรูไนดารุสซาลาม : Negara Brunei Darussalam
                การปกครอง : สมบูรณาญาสิทธิราชย์
                ประมุข : สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาเลาะห์
                เมืองหลวง : บันดาร์เสรีเบกาวัน
                ภาษาราชการ : ภาษามาเลย์, ภาษาอาหรับ
                หน่วยเงินตรา : บรูไนดอลลาร์
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofat.gov.bn




 6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ : Republic of the Philippine
                การปกครอง : สาธารณรัฐเดี่ยวระบบประธานาธิบดี
                ประมุข : เบนิกโน อากีโน ที่ 3
                เมืองหลวง : กรุงมะลิลา
                ภาษาราชการ : ภาษาตากาล๊อก, ภาษาอังกฤษ
                หน่วยเงินตรา : เปโซ
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.dfa.gov.ph




 7.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม : Socialist Republic of Vietnam
                การปกครอง : ระบอบสังคมนิยมเวียดนาม
                ประมุข : เจือง เติ๋น ซาง
                เมืองหลวง : กรุงฮานอย
                ภาษาราชการ : ภาษาเวียดนาม
                หน่วยเงินตรา : ด่อง
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofa.gov.vn




 8.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย : Republic of Indonesia
                การปกครอง : ระบอบสาธารณรัฐแบบประชาธิปไตย
                ประมุข : พลโทซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน
                เมืองหลวง : กรุงจาการ์ตา
                ภาษาราชการ : ภาษาบาร์ฮาซา, ภาษาอินโดนีเซีย
                หน่วยเงินตรา : รูเปียห์
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.kemlu.go.id


               

 9.มาเลเซีย : Malaysia
                การปกครอง : สหพันธรัฐ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุข
                ประมุข : สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซอม ซาร์
                เมืองหลวง : กรุงกัวลาลัมเปอร์
                ภาษาราชการ : ภาษามาเลย์
                หน่วยเงินตรา : ริงกิต
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.kln.gov.my



              
  10.สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ : Republic of the Union of the Myanmar
                การปกครอง : ระบบประธานาธิบดี
                ประมุข : พลเอกเต็ง เส่ง
                เมืองหลวง : นครเนปิดอร์
                ภาษาราชการ : ภาษาพม่า
                หน่วยเงินตรา : จั๊ต
                เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.mofa.gov.mm